Monday, November 07, 2005

Yeebud Diary

คืนวันหนึ่ง หลังจากที่ล็อกอินเข้ามาเล่นเว็บตามปกติ ผมไปเจอกระทู้แนะนำบล็อกแห่งหนึ่ง ที่ Thaiwriter.net ชื่อ http://www.fringer.org/ อธิบายตัวเองสั้นๆ ว่า Fringer คนชายขอบ
ก็เลยลองแวะเข้าไปดูตามอัธยาศัย พบว่า บล็อกเขามีข้อเขียนน่าสนใจดีครับ
ผมเองก็เป็นโรคแพ้ความตั้งใจและเจตนาดีอยู่เป็นทุนเดิม ก็เลยลองอ่านดู

มีหลายบทความที่น่าสนใจในบล็อกนี้ แล้วเจ้าของบล็อกท่านก็กรุณาเตรียมไว้ให้เป็น PDF file สะดวกมากสำหรับการพิมพ์ออกมาอ่าน
คุณสฤนี เจ้าของบล็อก Fringer ได้กรุณาทำลิงค์ไปยังเพื่อนบล็อกเกอร์ท่านอื่นๆของเธอ ซึ่งข้าพเจ้าก็ตามไปดูบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจอ่านให้ละเอียดแต่อย่างใด เพราะยังรู้สึกว่ามันเป็นไดอารี่ คล้ายๆจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่พึงรู้
ก็จะเลือกอ่านเฉพาะที่เป็นรายงาน บทความ แนะนำหนังสือ ฯลฯ

จนมาเจอบทความ "สำนักหลังเขาของผม" ที่ลิงค์แห่งหนึ่ง
..เฮ้ย คุ้นๆ เพราะผมเพิ่งอ่านบทความนี้ใน POPEYES เล่มแรกที่แทรกมากับนิตยสาร POP ของเจ๊ตี้คนสวยนี่หว่า เลยได้ทำความรู้จักกับบล็อกของ อ.ปกป้อง จันวิทย์ ผู้เขียนหนังสือ "คนไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ" ว่าท่านก็เป็นบล็อกเกอร์กับเขาด้วย http://pinporamet.blogspot.com/
ก็เลยตามอ่านอีกบล็อกหนึ่ง

อาจารย์ปกป้องเขียนถึงเว็บไดอารี่ของน้องชื่ออ่านยากคนหนึ่งด้วยครับ - Yeebud Diary http://storythai.com/user/yeebud/ ลองเข้าไปอ่าน ก็เห็นว่าเป็นไดอารี่เฮ้วๆ มีสำนวนประมาณ ยีสต์ ขี้ เยี่ยว ตูด ดุส ข้า เจ้า นมดำกรำงาน ..อะไรกัน(โว้ย ไอ้)น้อง ?
ระหว่างที่อ่าน ทราบว่าน้องชื่ออ่านยาก Yeebud คือนายแทนไท ประเสริฐกุล ลูกชาย อ. เสกสรรค์ - คุณจิระนันท์ ประเสริฐกุล เพิ่งเรียนจบจากคอร์เนล ตอนนี้เป็นอาจารย์สอนชีววิทยาที่โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา

เห็นว่าบล็อกนี้โด่งดังจนมีการเอาไปรวมเล่มด้วย มันคงเป็นแควชั่นใหม่ ที่ตามมาจากการที่ไซเบอร์สเปซมีเว็บบล็อก หลังจากนักเขียนนิยายตามกระทู้ที่มีคนอ่านเยอะๆ มีการรวมเล่มขาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บล็อกที่มีคนอ่านเยอะๆจะรวมเล่มออกมาวางขาย...บ้าง
จนอยู่มาวันหนึ่ง เห็นหนังสือเล่มใหม่ "โลกนี้มันช่างยีสต์" สีส้มสดมาเลย


ภาพปก ออกแบบได้น่าตกใจมากจนต้องหยิบมาพลิกๆดู - ขอยืนอ่าน(ฟรี)ก่อน ตามสไตล์หนอนในยุคหนังสือราคาแพง

มาสะดุดเอาตรงข้อสอบที่น้อง Yeebud ให้นักเรียน ม.ปลายตอบ ..เวียนอ่านอยู่สองรอบ พบว่าน่าสนใจดีครับ สมควรให้เจ้าเอก หลานชายพันธุ์ X ของข้าพเจ้า กลุ่มเป้าหมายของอาจารย์ Yeebud ได้อ่านบ้าง เพราะขานี้ วันวันเอาแต่ เอ็งเอ๊งเอ็ง - msn (เบื่อมันพอสมควรเลยว่ะ เพราะไม่ได้คิดจะศึกษาหาความรู้จากซอฟท์แวร์อื่นเลย)
บังเอิญ ผมเองกำลังเจอปัญหาของผู้ปกครองที่ไม่สามารถทำความเข้าใจ และสื่อสารกับวัยรุ่นอายุประมาณนี้ได้อย่างที่ควรจะเป็น ประมาณว่าอยู่มาวันหนึ่ง ลุงกับหลานก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง คิดว่าหนังสือเล่มนี้คงเป็นประโยชน์กับเขาบ้าง เลยสอยมาซะ


ก่อนให้หลานอ่าน ข้าพเจ้า ผู้เป็นลุง ก็เลยถือโอกาสเปิด...(อย่าคิดมากสหาย)...อ่าน ก่อนตามประสาคนจ่ายกะตังค์ จะได้ทำความรู้จักกับคนเขียนแต่ต้น


น้องแทนไทเขียนหนังสือสนุกครับ แค่อ่านคำนำก็รู้แล้วว่าเป็นคนช่างคิด ช่างเขียน มีประเด็น เห็นภาพ อ่านสนุกด้วยสำนวนวัยสะรุ่นยุคโพสต์มิลเลนเนียม เขียนอุจจาระว่าขี้ ตูดเป็นตูด นมเป็นนม ( ถ้ายังไม่พอใจ มีทั้งรูปนมและตูดให้ผู้อ่านได้เห็นกันจะๆ )

ผมชอบตอน นี่คือสิ่งสำคัญ มากๆเลยครับ (โดยเฉพาะภาพประกอบบนปก IMAGE เจ๋งเป้งมากน้อง ขอให้น้า บก.IMAGE มาเห็นเองด้วยเถอะ...อิอิ

ที่ชอบตอนนี้เพราะอ่านแล้วรู้สึกได้เลยครับ ว่ามันไหลมาจากใจ มันชัดเจน จริงจัง จริงใจ และที่สำคัญมากคือ สอนใจไปหมด ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนเขียนและคนอ่าน มีทั้ง action/reaction แถม emotion แห่งการอ่าน

อ่านแล้วเห็นตัวเองเวลาดุหลานชาย เห็นความคาดหวังที่เรามักเรียกแบบเข้าข้างตัวเองว่า"ความหวังดี" เห็นความผิดหวังของเด็ก เห็นทัศนคติ ความคิด และมุมมองที่ ... อยู่มาวันหนึ่ง กลายเป็นมุมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ช่วยให้สามารถทำความเข้าใจได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว ว่าเหตุใดตั้งแต่ขึ้น ม. 4 มา เราจึงสื่อสารกับเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง

อาจารย์แทนไทพิจารณาเรื่องแบบนี้โดยอาศัยสถานการณ์ presentation ในชั้นเรียน ทำความเข้าใจมันด้วยตัวเองอย่างรอบด้าน แล้วจึงเขียนถ่ายทอดออกมา เขาทำได้ดีทีเดียว

ไม่ควรพลาดนะครับ เล่มนี้ จะอ่านเอามันส์ หรือ เอาไว้สอนลูกหลานวัยรุ่น ก็ยิ่งมีประโยชน์ : )

ขอทิ้งท้ายไว้ด้วยถ้อยคำของ Yeebud จากคอลัมน์ Small Talk ในนิตยสาร GM Plus เล่มใหม่ ครับ

"คนที่พูดว่าอย่าไปซีเรียสกับชีวิต ขำๆกันไปเถอะ พอมาถึงจุดหนึ่ง เขาจะรู้ตัวเองว่ามันไปต่อไปไม่ไหว อย่างน้อยสำนึกบางอย่างก็จะบอกว่า เขาต้องเลี้ยงดูตัวเองหรือพ่อแม่ ต้องตอบแทนบางอย่างแก่สังคม เป็นความรับผิดชอบที่เมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิตแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อวันนั้นมาถึงแล้ว ถ้าเขาไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ชีวิตของเขาก็อาจจะต้องจำใจทำในสิ่งที่ไม่ต้องการนัก สุดท้ายเขาก็จะไม่มีความสุขมากเท่าที่ควรจะมี"

0 Comments:

Post a Comment

<< Home